‘สงครามการค้า’ รอบใหม่ กับความหวัง 'ทีมไทยแลนด์' เจรจาการค้า
อย่างไรก็ดี ผมก็ควรต้องให้ความเป็นธรรมว่า บรรดากลุ่มผลประโยชน์ไม่ใช่คนที่กดปุ่มสั่งกำแพงภาษีที่ทรัมป์ประกาศใน “วันปลดแอก” หรอกครับ พวกเขาไม่มีเวลาทำอย่างนั้นหรอก ในเมื่อว่ากันว่าทรัมป์ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องแผนนี้เลยด้วยซ้ำจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงสามชั่วโมงก่อนที่เขาจะกล่าวสุนทรพจน์เขย่าโลกในสวนกุหลาบ
ไทยต้องเตรียมความพร้อมในการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อปกป้องผลประโยชน์
ศ.ฮอฟแมน กล่าวว่า การพูดคุยส่วนใหญ่จะ "แตะเรื่องพื้นฐาน" และเสริมว่าการเจรจาครั้งนี้อาจดูเหมือนเป็นการ "แลกเปลี่ยนสถานะ" และหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี "จะมีการกำหนดวาระการประชุมสำหรับการเจรจาในอนาคต"
แม้ว่าจะมองไม่เห็นบทสรุปของสงครามครั้งนี้ในเร็ววัน แต่นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องกันว่า การเจรจาและการปรับตัวเชิงนโยบายยังคงเป็นทางออกเดียวในการลดแรงเสียดทาน สำหรับประเทศที่ได้รับผลกระทบ การหาสมดุลระหว่างการพึ่งพาตลาดโลกและการปกป้องผลประโยชน์ในประเทศเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
โอเค มาถึงตอนนี้ ผมก็ได้อธิบายวิธีคิดมาตรฐานเกี่ยวกับสงครามการค้า วิธีคิดซึ่งลงหลักปักฐานแล้ว แต่โชคร้ายที่ทั้งหมดนั้นก็ยังอธิบายชั่วขณะปัจจุบันของเราไม่ได้ สงครามการค้า เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะวิธีคิดทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนสมมุติฐานว่า ภาษีศุลกากรถูกกำหนดในเกมที่ผู้เล่นทุกรายมีเหตุมีผล พวกเขาเข้าใจดีว่าการค้าทำงานอย่างไร ต่างคนต่างลงมือทำในสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของตัวเอง ต่อให้ผลลัพธ์รวมหมู่ของการกระทำเหล่านั้นจะออกมาเลวร้ายต่อสังคมก็ตาม
ความขัดแย้งเดียว สองเรื่องเล่า: มองรายงานข่าวในไทย-กัมพูชา เหตุใดจึงแตกต่างกันอย่างมาก
บีบีซีพบว่า ผู้ส่งออกชาวจีนได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรที่สูงมาก ทำให้มีสินค้าค้างคลังมากขึ้น ถึงแม้พวกเขาพยายามมองหาตลาดอื่นนอกจากสหรัฐฯ ก็ตาม
'ทูตญี่ปุ่น' เปิดใจ หนุนไทย-กัมพูชาหยุดยิง ไม่อยากเห็นอาเซียนถอยหลัง
ถึงแม้การเจรจาจะสร้างมุมมองในเชิงบวก แต่ข้อตกลงอาจต้องใช้เวลาสักระยะจึงจะบรรลุผล
อุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาสินค้าที่ผลิตในจีนมาเป็นเวลานานเป็นที่น่ากังวลเป็นพิเศษ เจ้าของบริษัทผลิตของเล่นรายหนึ่งในลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับบีบีซีว่า พวกเขากำลัง "เผชิญกับการล่มสลายของห่วงโซ่อุปทานโดยสิ้นเชิง"
สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ยังเป็นที่จับตามองไปทั่วโลก เพราะไม่ว่าสหรัฐ ตั้งกำแพงภาษีอะไรมา จีนก็เหมือนจะตอบโต้ให้เท่ากัน ดังนั้นสงครามที่ยังไม่จบ เราก็ต้องคอยจับตาเพื่อที่จะเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบให้ดี
เนื่องจากในช่วงกลางปีหน้า ผมคาดว่าจะเห็นบรรดานายธนาคารกลางในภูมิภาคหลักๆ ของโลก เปลี่ยนโฉมหน้าไปจากวันนี้พอสมควร
สงครามการค้าคือ การที่ประเทศหนึ่งเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นหรือกำหนดโควต้าการนำเข้าของสินค้าแต่ละประเทศ โดยทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจและต่างตอบโต้กันด้วยรูปแบบที่คล้ายคลึงกับการปกป้องการค้า และเมื่อความรุนแรงที่ปะทะกันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความบาดหมางก็จะแปรเปลี่ยนเป็นสงครามการลดการค้าระหว่างประเทศ